วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

โภชนาการกับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป

โภชนาการกับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป



สำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ความต้องการพลังงานจะลดลง เนื่องจากการทำงานของอวัยวะต่างๆ น้อยลง เช่น การทำงานของกล้ามเนื้อ เป็นต้น ดังนั้น จึงควรเลือกกินอาหารที่ให้พลังงานน้อยลง เช่น ลดอาหารประเภทแป้ง และไขมันลงมาก กว่าตอนอายุ 40-60 ปี ลดปริมาณอาหารแต่ละมื้อลง แต่กินบ่อยขึ้น อาหารมื้อเย็นไม่ควรมากเกินไป ควรกินอาหารเบาๆ และเครื่องดื่ม เช่น นมสัก 1 ถ้วย ก่อนนอน จะทำให้หลับสบาย อาหารประเภท เนื้อสัตว์ รับประทานได้เหมือนเดิม แต่ควรสับหรือต้มเปื่อย เนื้อสัตว์ประเภทปลาจะช่วยให้ย่อยง่ายขึ้น ควรเป็นอาหารอุ่นๆ ถ้ามีน้ำแกงหรือต้มจืดจะช่วยกระตุ้นน้ำย่อยได้ดี อาหารประเภทผัก ควรต้มเปื่อย รับประทานได้เหมือนเดิม หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะจะช่วยในการขับถ่าย ส่วนใหญ่ผู้สูงอายุ จะรับประทานผักและผลไม้น้อยลง ทำให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุไม่เพียงพอกับความต้องการ ซึ่งจะ มีผลต่อสารอาหารอื่นๆ ด้วย คือ ทำให้ร่างกายได้รับเหล็กต่ำไปด้วย ทำให้เป็นโรคซีดหรือโลหิตจาง ดังนั้น เพื่อให้การดูดซึมแร่ธาตุเหล็กดีขึ้น จึงควรกินผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง นอกจากนี้ ยังสูง อายุ ยังมีปัญหาเกิดโรคกระดูกพรุน ทั้งนี้ มีสาเหตุจากการกินอาหารที่มีแคลเซียมน้อย จึงควรป้องกัน โดยดื่มนมทุกวัน รับประทานเนื้อสัตว์ ปลาตัวเล็กตัวน้อย กุ้งแห้ง และผักสีเขียวบ้าง เพื่อร่างกายจะได้ รับแคลเซียมไปบำรุงกระดูกให้แข็งแรงไม่เปราะหักง่าย น้ำมีความสำคัญต่อร่างกายผู้สูงอายุมาก เพราะผู้สูงอายุส่วนมากจะดื่มน้ำไม่เพียงพอ ทำให้คอแห้งมีเสมหะ และการขับถ่ายไม่ดีมักท้องผูก ดังนั้นผู้สูงอายุจึงควรดื่มน้ำประมาณวันละ 6-8 แก้ว เป็นประจำทุกวัน นอกจากนี้ ในพืชผักทุกชนิด จะมีเส้นใยอาหาร ซึ่งมีความสำคัญต่อสุขภาพเช่นกัน เพราะจะช่วยไม่ให้ท้องผูกขับถ่ายได้สะดวกขึ้น ร่างกายไม่หมักหมมสิ่งบูดเน่า และสารพิษบางอย่างไว้ในร่างกายนานเกินควร รวมทั้ง ยังป้องกันการ เกิดมะเร็งในลำไส้ใหญ่ได้ด้วย จึงควรกินผักเป็นประจำและควรกินผลไม้โดยเฉพาะผลไม้สด

โภชนาการกับผู้สูงอายุ



โภชนาการกับผู้สูงอายุ


  ผู้สูงอายุ เป็นบุคคลที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมามากนับไม่ถ้วน มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่สะสมมายาวนาน คุณค่านี้มีมากเป็นที่พึ่งด้านจิตใจให้กับลูกหลานได้เป็นอย่างดีเป็นตัวแทนแห่งคุณภาพด้านต่างๆ เช่น ความขยันขันแข็ง ความดีงามต่างๆ ความอดทน ให้เรายึดถือปฏิบัติ เป็นปูชนียบุคคลให้ลูก หลานได้แสดงความกตัญญูกตเวทีซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งในสังคมไทย แต่ปัจจุบันนั้นเราก็มักมองไม่ค่อยเห็นคุณค่าของ ผู้สูงอายุ เท่าที่ควรจะเป็น ผู้สูงอายุบางส่วนมักจะถูกทอดทิ้ง ทำให้มีปัญหาทางด้านจิตใจ ตามด้วย ปัญหาทางด้านโภชนาการ ความเสื่อมในระบบต่างๆ ของร่างกาย มีความเสี่ยงต่อการได้รับโรคภัยไข้เจ็บ ได้โดยง่าย โรคเหล่านี้ก่อให้เกิดการไร้สมรรถภาพ ทำให้ผู้สูงอายุต้องพึ่งพาลูกหลาน โรคขาดสารอาหารหรือภาวะบกพร่องทางอาหาร เป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ ทั้งนี้มีสาเหตุมาจากการยึดมั่นอยู่กับการกินที่ไม่ถูกต้อง ขาดแคลนเงินซื้ออาหาร ไม่มีความอยากอาหาร ระบบการย่อยและดูดซึมเสื่อมสภาพและอารมณ์ที่ผันแปร ว้าเหว่ วิตก กังวล ทำให้ความอยากอาหารลดลง ผู้สูงอายุ เป็นบุคคลที่ต้องกินอาหารให้ได้สัดส่วนและเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เช่น เดียวกับวัยอื่น ๆ คือ มีความต้องการพลังงานและสารอาหารชนิดอื่นๆ เหมือนบุคคลทั่วไป สำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 40-60 ปี ในวัยนี้มักมีน้ำหนักตัวมากเกินมาตรฐาน เพราะจะมีการใช้กำลังงาน น้อยลง และต่อต่างๆ โดยเฉพาะต่อไทรอยด์จะทำงานน้อยลง เมื่อรู้ว่าน้ำหนักเกินควรพยายามลดหรือ ควบคุมน้ำหนักของร่างกายให้คงที่ไม่ให้อ้วนหรือผอมจนเกินไป

กิน "ถั่วงอกดิบ" ชะลอความแก่



กิน "ถั่วงอกดิบ" ชะลอความแก่ 



ใครที่ไม่อยากแก่เชิญฟังทางนี้ค่ะ... คุณๆ ทราบกันหรือไม่ว่าถั่วงอกดิบที่เรารู้จักและรับประทานกันอยู่ทุกวันนี้บ้าง กินกับก๋วยเตี๋ยว บ้างกินกับขนมจีนนั้นมีสารอาหารตัวหนึ่งที่ ช่วยชะลอความแก่ได้ดีทีเดียว (ถึงแม้ว่าจะมีกลิ่นเหม็นเขียวนิดๆ ก็ตาม)นอกจากนี้ก็ยังมีสรรพคุณต่างๆ อีกมากมาย เชื่อว่าหากทราบแล้วหลายคนต้องหันมารับประทานถั่วงอกกันมากขึ้นแน่ๆ พญ.ลลิตา ธีระสิริ แพทย์ประจำศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวีให้ ความรู้พร้อมอธิบายว่า นอกจากสารเอสโอดีจะช่วยชะลอความแก่แล้วยังช่วยป้องกันร่างกายจากโรคเสื่อม ทั้งหลาย เช่น โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง เบาหวานอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคข้อ ต้อกระจกและผิวหนังเหี่ยวย่น อีกด้วยการรับประทานถั่วงอกแบบสดจะได้ผลดีกว่าแบบปรุงสุก เพราะสารเอสโอดีหากโดนความร้อนจะถูกทำลาย แต่ถ้าเราไม่ชอบรับประทานแบบดิบก็สามารถนำมาปรุงอาหารรับประทานได้เพราะนอก จากในถั่วงอกจะมีสารเอสโอดี แล้วยังมีสารอาหารตัวอื่นที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย เช่น ในถั่วงอกมีคาร์โบไฮเดรต ที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก มีโปรตีนสูงมากกว่าในเนื้อสัตว์ แถมในเนื้อสัตว์ก็มีไขมันเยอะด้วยจึงสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ เพราะถั่วงอกมีแคลอรีต่ำ มีเส้นใยพอสมควรอย่าง ไรก็ตาม คุณหมอลลิตาแนะนำว่าถ้าเราปลูกถั่วงอกรับประทานเองจะเหม็นเขียวน้อยกว่าใน ท้องตลาดและวิธีการปลูกถั่วงอกก็ปลูกได้ง่ายมากสมัยเรียนชั้นประถมคงจำกัน ได้ว่าเราดีใจมากเวลาปลูกถั่วงอกแล้วมันโต   วิธี การปลูกถั่วงอกก็ง่ายมากๆ มีดังนี้ เริ่มจากคัดเลือกถั่วเขียวใหม่ 1 กำ นำมาปลูกถั่วงอกได้ 1 จาน ใช้กระดาษชำระวางบนถาด จากนั้นโรยเมล็ดถั่วเขียวแล้วใช้กระดาษชำระโปะไว้อีกชั้นหนึ่งคอยรดน้ำ เพียงแค่ 3 วันถั่วงอกก็จะโตสามารถนำรับประทานแบบสดๆ ได้ให้คุณประโยชน์เต็มๆ แต่ใครที่มีปัญหาเรื่องมียูริกเกินหรือมีปัญหาเกี่ยวกับโรคไตต้องระมัดระวัง อย่ารับประทานมากเกินไปเพราะจะมีผลเสียต่อร่างกายได้ฉะนั้นใครที่ไม่อยากแก่เกินวัยหมั่นรับประทานถั่วงอกบ่อยๆ นอกจากจะทำให้หนุ่มสาวขึ้นแล้วยังส่งผลดีต่อสุขภาพด้วยนะ

วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของผลไม้ที่ดีต่อคนชรา

ประโยชน์ของผลไม้ที่ดีต่อคนชรา



น้ำองุ่นจะ มีส่วนช่วยเรื่องของการบำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แก้กระหาย ขับปัสสาวะ บำรุงกำลัง ลดริ้วรอยแก่ก่อนวัย

น้ำฝรั่งดิบจะประกอบไปด้วยสารวิตามินซีอยู่มาก ซึ่งมีอยู่ในปริมาณที่สูงและยังมีแคลเซียม อ็อกซาเลต เบต้าแคโรทีน ช่วยลดอาการระคายเคืองของลำไส้ ช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน ใช้แก้ท้องร่วง ท้องเสีย และโรคในช่องปาก เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันอันตรายต่อเซลล์ และหลอดเลือดอุดตัน ช่วยทำให้ความดันและหัวใจทำงานได้ปกติ ช่วยบำรุงผิวพรรณทำให้เต่งตึงไม่แก่ก่อนวัย

น้ำสตรอเบอรี่ดิบจะ ช่วย ต้านการเกิด มะเร็งหลอดเลือด ภูมิแพ้และมีประสิทธิภาพในการต้านสารอนุมูลอิสระสูง มีประโยชน์ต่อหลอดเหลือดและหัวใจ ช่วยลดคอเลสเตอรอลและเคลือบทางเดินอาหารทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ สะดวก

น้ำแอปเปิ้ลเขียว จะสามารถ ช่วยย่อยอาหาร ย่อยโปรตีนและไขมัน ช่วยเสริมความจำและป้องกันภาวะสมองเสื่อม หรือโรคอัลไซโด์เมอร์ในผู้สูงอายุ ช่วยลดความดันโลหิตในร่างกาย

น้ำมะม่วงแก้วดิบจะ ช่วยดับกระหาย ละลายเสมหะ แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน ขับปัสสาวะช่วยให้เลือดลมของสตรีเป็นปกติ

น้ำผึ้ง สามารถช่วย ให้ไตและลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น แพร่กระจายผ่านหลอดเลือดอย่างรวดเร็ว ให้พลังงานในส่วนที่สำคัญที่ร่างกายต้องการในการสร้างเลือด และช่วยควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดให้เหมาะสม

น้ำมะละกอดิบ จะช่วย ลดกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยการทำงานของลำไส้ให้ดีขึ้น ทำความสะอาดไตช่วยให้เลือดแข็งตัว ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งลำไส้

น้ำสับปะรดดิบ จะช่วย ต้านอนุมูลอิสระและการติดเชื้อในลำไส้ ช่วยระบบย่อยอาหาร เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ภูมิแพ้ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคไตอักเสบ หลอดลมอักเสบ มะเร็ง ความดันโลหิตสูง ฆ่าพยาธิและช่วยขับระ

น้ำส้มดิบ จะช่วย ป้องโรคเลือดออกตามไรฟัน เสริมสร้างคอลลาเจนทำให้ แผลหายเร็วขึ้น และยังเป็นยาระบายอ่อนๆและช่วยบำรุงผิวพรรณให้สวยเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ผิวเกลี้ยงเกลาและสดชื่น ขจัดความหมองคล้ำ ชะลอการเกิดริ้วรอย

น้ำมะขามป้อมดิบ จะช่วย ระบายขับปัสสาวะ แก้ร้อนใน ไอ หวัด เลือดออกตามไรฟัน ตกเลือด ท้องเสีย โลหิตจาง เรื้อน และความดันดลหิต ช่วยล้างสารพิษออกจากระบบต่างๆของร่างกาย

น้ำลำไย ถือเป็นผลไม้ ที่มีคุณค่าอย่างมหัสจรรย์มาก ไม่เพียงแต่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการจากสารอาหารที่ จำเป็นต่อร่างกาย ลำไยยังมีคุณค่าทางการแพทย์ และเภสัช ได้แก่ สารออกฤทธิ์เหนี่ยวนำเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่และเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวให้ตาย และมีสารที่ช่วยชะลอการเสื่อมสลายของข้อเข่า

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

โรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ


โรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ
สมองเสื่อม...คืออะไร วันนี้เราจะรู้กันค่ะ ว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เราเป็นโรคสมองเสื่อมได้
ในอดีตเรานั้นมักเชื่อกันว่า อาการหลงลืมในผู้สูงอายุ เป็นเรื่องปกติของคนที่มีอายุมากขึ้น เป็นการหลงลืมตามวัยยิ่งมีอายุมากขึ้น ก็จะยิ่งหลงมากขึ้น แต่ความเชื่อดังกล่าวไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด ยังมีผู้ป่วยอีกส่วนที่มีอาการสมองเสื่อม ซึ่งเกิดจากทำงานของสมองใหญ่ผิดปกติ ทำให้มีผลต่อการประกอบกิจวัตรประจำวัน รวมทั้งพฤติกรรม บุคลิกภาพและอารมณ์

  สาเหตุของสมองเสื่อม
1.         เสื่อมตามวัย มักพบในผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 65-70 ปีขึ้นไป
2.         โรคอัลไซเมอร์  ที่เกิดขึ้นก่อนวัยอันควร คืออายุไม่เกิน 65 ปี จะพบพยาธิสภาพของเซลสมองเสื่อมลงเหมือนคนแก่อายุ 70-80 ปี
3.         โรคสมองเสื่อมที่เกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ จากหลอดเลือดเส้นเล็กๆ อุดตันเป็นเวลานาน ทำให้เซลสมองตาย และการทำงานของสมองเสื่อมลง
4.         ภาวะเลือดคั่งในสมองหรือเนื้องอกในสมอง
5.         ภาวะขาดวิตามินบี 1 พบในคนที่ดื่มสุรามาเป็นเวลานาน ขาดวิตามินบี 12 มักพบในคนที่ได้รับ  การผ่าตัด กระเพาะลำไส้มานานๆ และขาดอาหาร
6.         โรคติดเชื้อที่มีผลทางสมอง เช่น ซิฟิลิส ไวรัสสมองอักเสบ ไวรัสเอดส์
7.         สมองเสื่อมจากการติดสุราเรื้อรัง
8.         ภาวะที่เกิดตามหลังการขาดออกซิเจน เช่น มีอาการชักซ้ำ หรือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ติดต่อกันนานๆ